การวิเคราะห์ตลาดรายวัน

• Fed เสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วงกลางวัฎจักรหลังการปรับลดดอกเบี้ยสามครั้ง
• S&P 500 ปิดโดยทำสถิติสูงสุด
• การยกเลิกการประชุม APEC จะไม่กระทบต่อการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีน

หลังปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สามเมื่อวานนี้ Powell ผู้เป็นประธาน Fed กล่าวว่าเขาเชื่อว่า “นโยบายทางการเงินตอนนี้กำลังเหมาะสม” ปฏิกิริยาที่มีต่อแถลงการณ์ด้านนโยบายในตอนแรกออกมาเป็นลบสำหรับหุ้นและส่งผลบวกเล็กน้อยต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจาก Fed ไม่กล่าวถึง “การดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อขยายเวลาต่อ” จากแถลงการณ์และแทนที่ด้วย “คณะกรรมการจะยังคงเฝ้าติดตามวิเคราะห์ข้อมูลที่จะมีเกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจ ขณะที่ประเมินความเหมาะสมของกรอบเป้าหมายของดอกเบี้ย Fed Funds Rate” การปรับเปลี่ยนบ่งชี้ว่า FOMC ได้ให้สัญญาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินในช่วงกลางวัฎจักรหรือ “การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประกันภัย” และขณะนี้จะไม่ดำเนินการใดๆ

อย่างไรก็ตาม ประธาน Powell จะไม่กีดกันโอกาสที่จะมีนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมอย่างสิ้นเชิงและระบุว่า Fed จะไม่พิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวเมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างมากติดต่อกัน ตลาดพึงพอใจกับแถลงการณ์นี้เมื่อเห็นว่าไม่มีสัญญาณใดๆ ของการสร้างความกดดันต่อราคาในอนาคตอันใกล้นี้ และเป็นการสนับสนุนให้ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่โดยปิดที่ 3046.8 

ตามเครื่องมือ Fedwatch ของ CME ผู้เล่นในตลาดมองว่ามีโอกาส 19% ที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมและ 35% ในเดือนมกราคม 2020 ความเป็นไปได้เหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างมากโดยขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าและการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมีขึ้น เหตุการณ์ที่เป็นความเสี่ยงครั้งสำคัญครั้งต่อไปของเทรดเดอร์ก็คือข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคมที่จะประกาศในวันศุกร์ เศรษฐกิจส่งผลให้มีงานเพิ่มขึ้น 136,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายนแต่การเติบโตของค่าจ้างลดลง 2.9% ตลาดกำลังคาดหวังตำแหน่งงานใหม่ 89,000 ในเดือนตุลาคมและการเติบโตของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3% เมื่อพิจารณาว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าด้วยปัจจัยเดียวซึ่งก็คือผู้บริโภค เราจึงต้องการตัวเลขที่ดีเพื่อให้หุ้นปรับตัวขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม หากตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดหรือการเติบโตของค่าจ้างชะลอตัวลงอีก เราอาจเห็นหุ้นปรับตัวลงและ USD ร่วงลงอีก

การยกเลิกการประชุม APEC ที่ชิลีเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบได้ทำให้นักลงทุนบางส่วนรู้สึกกังวลเนื่องจากพวกเขาวิตกว่าอาจไม่มีการลงนามในสิ่งที่เรียกว่าข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในเดือนหน้า แต่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายระบุว่าการยกเลิกการประชุมจะไม่กระทบต่อการเจรจาทางการค้าที่กำลังดำเนินไป 

สำหรับข่าวธนาคารกลางอื่นๆ Bank of Canada ได้ใช้นโยบายคงที่เช่นเดิมในวันพุธ โดยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% แต่ดอลลาร์แคนาดาร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นเนื่องจากมีการปรับลดประมาณการด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2020 ขณะที่ Bank of Japan คงนโยบายทางการเงินเช่นเดิม โดยคงเป้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และเป้าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีไว้ที่ประมาณ 0% ตัวเลขทั้งคู่ปรับเปลี่ยนแนวทางเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตให้มีสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นถึงโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คาดกันอยู่แล้วในตลาด ดังนั้น จึงส่งผลต่อค่าเงินเยนเพียงเล็กน้อย

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

• เหยี่ยวของเฟดตัดการสนับสนุนดอลลาร์

• ผู้กำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐแบ่งฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

• < >

ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายหลักเป็นครั้งที่สองในปี 2019 การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดจากช่วง 1.75% ไปเป็น 2% ได้ถูกคาดการณ์ไว้แล้วอย่างกว้างขวางโดยตลาด อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ดอลลาร์ขยับต่ำลงไปเนื่องจากคำแถลงของ FOMC และแนวโน้มทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นเพียงการปรับกลางรอบเท่านั้นและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงจรมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่ยืดเยื้อ นายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดดูจะมีมุมมองของเขาเกี่ยวกับ ‘การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นหลักประกัน’ ที่สอดคล้องกัน ซึ่งผู้มีส่วนร่วมในตลาดบางรายไม่ชอบใจนัก

ผู้กำหนดนโยบายของเฟดมีมุมที่แตกแยกจากกันอย่างชัดเจน เมื่อดูกราฟพล็อต สมาชิก 5 รายสนับสนุนให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง, 5 รายเห็นชอบให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดแต่คงอัตรานี้ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงไปจนสิ้นสุดปี 2019 ขณะที่สมาชิกอีก 7 รายคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งตอนสิ้นปี แน่นอนว่าผู้คัดค้านหลักไม่ใช่สมาชิกของเฟด แต่เป็นประธานาธิบดีทรัมป์ที่เฝ้าดูการตัดสินใจอย่างใกล้ชิดและทวีตในทันทีว่า “เจย์ พาวเวลล์ และธนาคารกลางสหรัฐทำพลาดอีกแล้ว ‘แหย’, ไม่ฉลาด, ไม่มีวิสัยทัศน์!  เป็นผู้สื่อสารที่แย่มาก!”

ระดับความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้กำหนดนโยบายการเงินจะทำให้ผู้มีส่วนร่วมในตลาดคาดการณ์ได้ยากว่า อัตราดอกเบี้ยจะมุ่งหน้าไปในทิศใด ดูเหมือนว่าตลาดก็ไม่เห็นด้วยกับเฟดในเรื่องเส้นทางของอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน กราฟพล็อตแสดงว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะพื้นที่ 1.5% แต่เมื่อดูใน Fed Watch ของ CME นักเก็งกำไรคาดว่ามีความเป็นไปได้ 46% ที่อัตราดอกเบี้ยจะลงต่ำกว่า 1.5% ในเดือนเมษายนปี 2020 พูดง่ายๆ คือ เฟดเชื่อว่าเศรษฐกิจจะยังคงเติบโตในระดับปานกลาง แต่ตลาดเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างมีนัยสำคัญที่จะเกิดภาวะถดถอย

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Google Trends แสดงให้เห็นว่าการค้นหาคำว่า 'ภาวะถดถอย' พุ่งขึ้นในเดือนสิงหาคมสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 แต่ได้ลดน้อยลงนับตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าการว่างงานของสหรัฐจะอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูง จิตวิทยามีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ยิ่งพวกเขาได้ยินคำว่าภาวะถดถอยมากเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งคิดถึงมันมากขึ้นและมีโอกาสน้อยลงที่พวกเขาจะใช้จ่ายในอนาคต ในความคิดผม แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้มีความเสี่ยงมากกว่าสงครามการค้า เส้นอัตราผลตอบแทนกลับตัว หรือการวัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เราเห็นในช่วงนี้เสียอีก หากนักลงทุนอยากรู้ว่านโยบายการเงินต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ควรติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดต่อไป

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

• หุ้นปรับตัวเนื่องจากจีนและสหรัฐฯ ยอมอ่อนข้อให้กัน
• ECB จะผ่อนคลายนโยบาย แต่อาจไม่ถึงระดับที่กลุ่มชอบกระตุ้นเศรษฐกิจคาดการณ์
• อัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวชี้วัดแนวทางเกี่ยวกับดอกเบี้ยของ Fed

หน้าจอตลาดหุ้นเป็นสีเขียวโดยเงินหยวนจีนแข็งค่าในเช้าวันพฤหัสบดีหลังประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ ประกาศชะลอการคิดภาษีศุลกากรจากสินค้าจีนในสองสัปดาห์ การเลื่อนภาษีศุลกากรพิเศษ 5% ของ Trump เกิดขึ้นหลังจีนยกเว้นภาษีศุลกากร 25% ให้กับสินค้าสหรัฐฯ บางรายการซึ่งเป็นภาษีที่กำหนดขึ้นในปีก่อน 

การยอมอ่อนข้อเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เป็นเรื่องน่ายินดีของนักลงทุนและเป็นสัญญาณบวกก่อนการเจรจาในเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม คงเร็วเกินไปที่จะสรุปผลซึ่งยังคาดการณ์ไม่ได้ เมื่อคำนึงถึงความซับซ้อนของสงครามการค้า การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงอาจลดลงในวันต่อๆ มาเนื่องจากนักลงทุนต้องการทางออกที่เป็นรูปธรรมซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างทางโครงสร้างของทั้งสองฝ่าย

การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปในวันนี้เป็นกิจกรรมสำคัญของสัปดาห์ มีการคาดการณ์ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยและออกโครงการกระตุ้นใหม่ๆ อยู่ในระดับสูงมากในสัปดาห์นี้เนื่องจากปัจจัยด้านข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแย่ลงของยูโรโซน ข้อมูลเศรษฐกิจแทบทั้งหมดอ่อนแอลงหลังการประชุมธนาคารกลางครั้งล่าสุดในวันที่ 25 กรกฎาคมและความเสี่ยงที่เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซนจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากขึ้นหลัง GDP หดตัวในไตรมาสสอง

แม้ ECB ได้พิสูจน์ว่าไม่มีขีดจำกัดว่าจะลดดอกเบี้ยลงเท่าใด แต่ก็พบปัญหาทางเทคนิคมากมาย อัตราดอกเบี้ยติดลบส่งผลเสียต่อภาคธนาคารเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากผลตอบแทนที่ต่ำและผกผันทำให้ผลกำไรของธนาคารเหล่านี้ลดลง อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้นทำร้ายภาคการผลิตทั่วทั้งยูโรโซนและเครื่องมือเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือการอ่อนค่าของเงินยูโร แน่นอนว่าประธานาธิบดี Trump ไม่ต้องการเห็นเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกจากระดับปัจจุบัน และเขาอาจพยายามผลักดันให้กระทรวงการคลังแทรกแซงค่าเงิน นอกจากนี้ ยังมีความเห็นที่ตรงกันข้ามอย่างชัดเจนจากผู้ที่ชอบควบคุมอัตราเงินเฟ้อในเยอรมนีและประเทศยูโรโซนอื่นๆ เมื่อพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด มีโอกาสสูงที่ ECB จะทำให้ผิดหวังในวันนี้และส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้น

นักลงทุนจะจับตารอดู CPI ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด มีการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อหลักจะกระเตื้องขึ้นเป็น 2.3% y-o-y ในเดือนสิงหาคมจาก 2.2% ในเดือนก่อน ราคาที่ออกมาดีกว่าคาดอาจทำให้งานของ Fed หนักมากขึ้น ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ย 25 basis point ดูเหมือนจะเป็นข้อตกลงที่สำเร็จแล้วในสัปดาห์หน้าของ FOMC แต่การปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะได้รับผลกระทบหากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงสุดตามคาดการณ์

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาน่าผิดหวัง

• อัตราเงินเฟ้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ Fed

• ECB จะออกโครงการกระตุ้นใหม่

• < >

สินทรัพย์เสี่ยงยังคงบวกขึ้นในสัปดาห์ก่อน ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวลงบางส่วนหลังสหรัฐฯ และจีนตกลงที่จะหันมาเจรจากันในช่วงต้นเดือนตุลาคม ปฏิกิริยาที่เราได้เห็นในตลาดแสดงว่านักลงทุนต้องการสัญญาณบวกที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาทางการค้ามากเพียงใด ขณะที่เร็วไปที่จะสรุปได้ว่าจะเกิดข้อตกลงหรือการพักรบ แต่ข่าวว่าทั้งสองฝ่ายเต็มใจจะหารือกันอีกครั้งก็ได้สร้างความรู้สึกในเชิงบวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะมีสัญญาณบอกใบ้ว่าประเทศใดจะยอมอ่อนข้อให้ จึงเป็นการบ่งชี้ว่าการฉลองในตอนแรกอาจยังไม่ถึงเวลาอันควร

รายงานเรื่องตำแหน่งงานล่าสุดของสหรัฐฯ ไม่ได้บ่งชี้ถึงการกลับตัวของปัจจัยพื้นฐาน อันที่จริงนั้น งานที่เพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม โดยอยู่ที่ 130K จากที่คาด 158K นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยของปีนี้อยู่ 162K แต่งานที่เพิ่มขึ้นยังต่ำกว่าถึง 32K แม้ตัวเลขจะดูน่าผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้แย่มาก การว่างงานคงที่ที่ 3.7% เป็นเดือนที่สามติดต่อกันและรายได้รายชั่วโมงโดยเฉลี่ยบวก 0.4% ข้อสรุปที่ได้จากข้อมูล NFP และ PMI ล่าสุดก็คือเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูญเสียแรงในการขับเคลื่อน แต่ยังคงห่างไกลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็วๆ นี้

ดังนั้น ความสนใจในตอนนี้ควรอยู่ที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งเป็นจุดที่สดใสที่สุดในอุตสาหกรรม หากผู้บริโภคสหรัฐฯ แสดงสัญญาณว่าจะลดการใช้จ่ายระหว่างข้อพิพาททางการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ก็คาดได้ว่า Fed จะเปลี่ยนไปเพิ่มความตึงเครียดในนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม ภาษีศุลกากรในสินค้าจีนยังคงเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากอาจมีการกำหนดภาษีศุลกากรจำนวนมากซึ่งจะกระทบผู้บริโภคโดยตรงในเดือนตุลาคมและธันวาคม ข้อมูลอีกส่วนซึ่ง Fed จะพิจารณาใน FOMC สัปดาห์หน้าก็คือราคาผู้บริโภค (consumer price) มีการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อหลักของสหรัฐฯ จะกระเตื้องขึ้นเป็น 2.3% y-o-y ในเดือนสิงหาคมจาก 2.2% ในเดือนก่อน ราคาที่ออกมาดีกว่าคาดอาจทำให้งานของ Fed หนักมากขึ้นและส่งผลให้ดอลลาร์บวกขึ้นอีก

เหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ก็คือการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดี นักลงทุนทั่วโลกกำลังคาดหวังให้มีโครงการกระตุ้นใหม่จากธนาคารกลาง และตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.1% รวมถึงการต่ออายุโครงการ QE ค่าเงินยูโรจะเคลื่อนไหวตามระดับความเข้มข้นของโครงการแบบผ่อนคลายที่จะออกมา โครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนที่ 30 - 40 พันล้านยูโรอาจทำให้ผู้เทรดพันธบัตรที่มีส่วนผลักให้ผลตอบแทนพันธบัตรต่ำเป็นประวัติการณ์ในไม่กี่สัปดาห์มานี้รู้สึกพึงพอใจ และน่าจะเกิดแรงกดดันต่อ EURUSD มากขึ้นโดยส่งผลให้ปรับตัวต่ำกว่า 1.09 ส่วนโครงการซื้อพันธบัตรที่น้อยกว่าจำนวนดังกล่าวจะทำให้ผู้เทรดพันธบัตรผิดหวัง อย่างไรก็ตาม Mr. Draghi กำลังเผชิญกับเวลาที่ยากลำบากเมื่อคำนึงถึงสมาชิกบางรายที่มีความเห็นตรงข้าม ซึ่งน่าจะทำให้การประชุมครั้งนี้น่าสนใจที่สุดในรอบหลายปี

นอกจากนี้ เทรดเดอร์และนักลงทุนควรจับตาดูการพัฒนาทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความร้อนแรงของ Brexit, ประเด็นเรื่องสงครามการค้า, การประท้วงในฮ่องกง และการประชุม OPEC ที่จะจัดขึ้นในอาบูดาบีหลังซาอุดีอาระเบียตัดสินใจที่จะเปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

หลังหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 2% ในเช้าวันพุธ S&P 500 กลับฟื้นตัวจากการขาดทุนทั้งหมดและปิดบวก 0.1% การกลับตัวในตลาดดังกล่าวพบได้น้อยมากระหว่างตลาดกระทิงที่ยาวนานเป็นทศวรรษ ไม่มีเหตุผลที่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวดังกล่าว นักลงทุนบางรายมองว่าการที่ S&P 500 ร่วงลง 6.6% ตั้งแต่ 29 กรกฎาคมดูต่ำกว่ามูลค่าจริง จึงเป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นราคาดี การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ โดยพันธบัตร 10 ปีลดลง 22% ใน 6 วันทำให้หุ้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยร่วมที่นักลงทุนทุกรายเห็นพ้องกันก็คือการคาดการณ์ว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอีก

โดยธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเร่งปรับลดดอกเบี้ยลง ในวันพุธ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ ไทย และอินเดียต่างประกาศการปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดการณ์ แนวทางเชิงรุกดังกล่าวที่มีในช่วงการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินดูไม่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากข้อมูล อย่างไรก็ตาม ผู้ออกนโยบายดูเหมือนจะเตรียมตัวรับมือกับภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่กำลังเลวร้ายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การพนันว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลง 50 basis points ในเดือนกันยายนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ นักลงทุนกำลังคำนวณว่ามีโอกาส 21% ที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 50 basis point ในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 0% ในสัปดาห์ก่อน

การปรับลดดอกเบี้ยลงจะส่งผลดีต่อหุ้นหรือไม่

ในทางทฤษฎี การปรับลดดอกเบี้ยจะฉุดผลตอบแทนที่ต้องการ ดังนั้น จึงต้องดึงดูดให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าสงครามการค้าจะทุเลาลงในเร็วๆ นี้ เครดิตที่แย่ลงจึงไม่ทำให้ธุรกิจและผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ มีอุปทานเพิ่มขึ้น อันที่จริงแล้ว เราอาจเห็นความตกต่ำในสองไตรมาสหน้า โดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่าขณะนี้ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าในเดือนที่ผ่านมา

ทั้งประธานาธิบดี Donald Trump และ Xi Jinping รู้ว่าพวกเขากำลังเล่นเกมที่เสี่ยงมาก Trump ต้องการให้จีนคุกเข่าให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยยกระดับสงครามการค้ากับรัฐบาลปักกิ่งให้แรงขึ้นเพื่อที่จะได้รับข้อตกลงที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาที่เขาได้รับจนถึงขณะนี้ก็คือจีนสามารถเล่นเกมที่ดุเดือดได้เช่นกันและยังคงมีเครื่องมือหลายอย่างที่จะใช้ ด้วยสภาพเช่นนี้ หุ้นจึงไม่ใช่จุดพักเงินที่ดีที่สุด

ทองคำกำลังรุ่งเรืองเนื่องจากนักลงทุนมองหาที่พักเงิน

ราคาทองคำยังคงยืนเหนือ $1,500 แม้ตลาดหุ้นจะฟื้นตัวเล็กน้อย เงินมากกว่า $15 ล้านล้านกำลังเทรดตราสารหนี้ที่ผลตอบแทนติดลบ จึงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าทองคำ เมื่อพิจารณาว่าราคาทองคำพุ่งขึ้นไป 17% ในปีนี้ ก็มีการคาดว่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวในกรอบบางส่วน ณ ขณะนี้ อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายบริหารของ Trump เห็นชอบกับการแทรกแซงค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง ก็คาดว่าจะได้เห็นราคาโลหะมีค่าสีทองปรับตัวพุ่งขึ้นอีกครั้ง

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน