ขณะนี้ เราได้เห็นนโยบายที่คาดไม่ถึงมาก่อนจากหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกเป็นประจำทุกวัน ประเทศต่างๆ กำลังปิดชายแดน รัฐบาลกำลังใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อจำกัดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสที่มีต่อเศรษฐกิจ และธนาคารกลางกำลังใช้เครื่องมือทั้งหมดของตนเองเพื่อบรรเทาความวิตกในตลาดเงิน อย่างไรก็ตาม ไม่มีมาตรการใดในบรรดามาตรการเหล่านี้ที่สามารถปลอบขวัญนักลงทุนได้
เมื่อความกลัวการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสเพิ่มมากขึ้น ก็สมเหตุสมผลและมีข้อสนับสนุนที่จะได้เห็นสินทรัพย์เสี่ยงถูกเทขายอย่างหนัก นอกจากนี้ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกอาจมหาศาล ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการระบาด ผู้คนต่างกลัวว่าตัวเองจะตกงานและไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ จึงตัดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจในความผันผวนของตลาดขณะนี้ก็คือแม้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดเงินก็ยังถูกเทขายเช่นกัน
ในภาวะตลาดหมี ตามปกติแล้ว นักลงทุนจะแห่ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในอดีตจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับตลาดหุ้น อันที่จริงแล้ว เราได้เห็นเงินไหลเข้าสู่พันธบัตรเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงแรกที่โคโรน่าไวรัสระบาด ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นมีนาคม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีปรับตัวลดลงถึง 80% จนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการที่ 0.32% อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา รูปแบบดังกล่าวได้เปลี่ยนไปโดยมีการเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในวันอังคารและวันพุธ ซึ่งขณะนี้ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.25%
พฤติกรรมเช่นนี้ในตลาดเป็นสิ่งที่น่าตกใจ เพราะแสดงให้เห็นว่านักลงทุนกำลังเทขายสิ่งใดก็ตามที่สามารถทำเงินให้ตนเองได้และยังอธิบายสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการ เห็นได้ชัดว่านักลงทุนถูกกดดันให้เพิ่มเงินทุนสำรองเพื่อเอาตัวรอดจากช่วงที่มีการระบาดในขณะนี้ที่กินเวลานานขึ้น
Fed และธนาคารกลางแห่งอื่นๆ กำลังใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารกลาง การกลับเข้าซื้อ หรือการซื้อสินทรัพย์ โชคไม่ดีที่ไม่มีเทคนิคใดๆ สามารถป้องกันการกักตุนเงินดอลลาร์ได้ เนื่องจากหนี้ในสกุลดอลลาร์จำนวนมากที่บริษัทต่างๆ ต้องชำระหนี้ทำให้เกิด “การขาดแคลนเงินดอลลาร์”
พฤติกรรมเช่นนี้ในตลาดมีแนวโน้มที่จะกินเวลานานหากไวรัสยังคงเพิ่มการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดปัญหาโดยเฉพาะในเอเชียซึ่งมีหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสกุลดอลลาร์และมีระดับสูงสุดเป็นประวัติการตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความเสี่ยงที่วิกฤติด้านสุขภาพทั่วโลกกำลังจะเปลี่ยนเป็นวิกฤติหนี้สินมีสูงมากและอาจแย่กว่าวิกฤติที่พบในปี 2008
ในเวลานี้ ดูเหมือนมีเพียงทางออกเดียวที่สามารถป้องกันวิกฤติอันเลวร้ายได้ นั่นก็คือการหาวิธีรักษาโคโรน่าไวรัสอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราทุกคนต่างหวังว่าจะสำเร็จในเร็วๆ นี้
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน