การระบาดของโคโรน่าไวรัสแรงกว่ามาตรการใดๆ ที่รัฐบาลและธนาคารกลางทำขึ้น
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าประหลาดใจอีกครั้งก็คือ Fed ของสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยลงจนเป็นศูนย์ในวันอาทิตย์และเพิ่มข้อมูลด้านดีโดยขยายงบดุลอีก $700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
นอกจากนี้ PBOC ของจีนยังเคลื่อนไหวอย่างน่าแปลกใจเมื่อวันศุกร์โดยอัดฉีดสภาพคล่องรอบใหม่อีกครั้ง ธนาคารกลางลดข้อกำหนดด้านเงินทุนสำรองสำหรับธนาคารเพื่ออัดฉีดเงิน 79 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนบริษัทในภาวะที่เกิดโรคระบาด ขณะเดียวกัน Bank of Japan เป็นธนาคารแห่งสุดท้ายในบรรดาธนาคารกลางอื่นๆ ที่ได้ประกาศมาตรการหลายอย่างเพื่อผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
ธนาคารกลางที่สำคัญทั่วโลกกำลังใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกันวิกฤติ แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนยังมีความกลัวมากกว่า
ในขณะที่เขียนนี้ ดัชนีหลักทั้งสามดัชนีของสหรัฐฯ ดิ่งลงแรงก่อนเปิดตลาด โดยลดลงถึง 5% เมื่อฟิวเจอร์หุ้นปรับตัวลงจนต้องหยุดเทรดในช่วงก่อนเปิดตลาด นักลงทุนต่างก็วิตกกังวลว่าหากตลาดเปิดทำการแล้วจะเกิดความเลวร้ายเพียงใด ตลาดจะยังคงลงต่อในช่วงที่ผันผวนอย่างหนักเช่นนี้ จนกว่าจะสามารถประเมินความเสียหายที่เกิดจากการระบาดของไวรัสได้
ยิ่งการระบาดกินเวลานานและประเทศอยู่ในภาวะฉุกเฉินนานขึ้น เศรษฐกิจโลกก็ยิ่งตกต่ำหนัก ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในขณะนี้ แต่ก็ยังคงมีคำถามว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด ดังนั้น กลยุทธ์สำหรับหุ้น โดยเฉพาะการมองจากภาพเล็กไปสู่ภาพใหญ่จะไม่ให้ราคาเป้าหมายที่มีประโยชน์สำหรับหุ้น เพราะบริษัทเองก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงรายได้ในสถานการณ์เช่นนี้
ในมุมมองแบบมหภาค ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จีนประกาศออกมาในวันนี้ได้ให้ภาพรวมคร่าวๆ ว่าข้อมูลต่างๆ อาจจะออกมาแย่เพียงใด ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 13.5% ในสองเดือนแรกของปี ซึ่งตกต่ำที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในภาคนี้ ยอดค้าปลีกดิ่งลง 20.5% เนื่องจากผู้บริโภคไม่ได้ออกจากบ้าน การลงทุนในตราสารหนี้ลดลง 24.5% และจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการที่ 6.2%
ขณะที่จีนเริ่มฟื้นตัวจากการระบาด เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นการฟื้นตัวรูปตัว V เหตุผลง่ายๆ ก็คือประเทศอื่นๆ ของโลกกำลังป่วยอยู่ในขณะนี้ โดยประเทศส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่จีนกำลังติดเชื้อ ซึ่งหมายความว่าอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์จีนจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งสหรัฐฯ และยุโรปก็จะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดก็คือวิกฤติสุขภาพครั้งนี้จะกลายเป็นวิกฤติหนี้หรือไม่ คำตอบหลักๆ จะขึ้นอยู่กับเวลาและขอบเขตของการระบาด
ความมั่นใจตกต่ำอย่างหนักในขณะนี้และบ่งชี้ว่าจะเกิดการเทขายในตลาดอย่างหนักเช่นเดียวกับที่เราเห็นในวันศุกร์ ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรระวังและเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนอย่างหนักอีกสัปดาห์หนึ่ง
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน