- ความหวังในด้านการค้ายังคงเป็นแรงสนับสนุนตลาดหลักทรัพย์
- จีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการทําธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนภายในเจ็ดวัน
- ตลาดรอดูรายงานการประชุมจาก FOMC ในวันพุธ
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์โดยดัชนี Dow Jones Industrial Average หรือดัชนีดาวโจนส์ทะลุ 28,000 เป็นครั้งแรก ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การไต่สวนการฟ้องร้องทรัมป์ การประท้วงในฮ่องกง และความไม่สงบในตะวันออกกลางต่างถูกมองว่าเป็นปัจจัยรองในการตัดสินใจลงทุน ความคาดหวังในข้อตกลงการค้า “เฟสหนึ่ง” ระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับตลาดหุ้น
แม้จะไม่มีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าว่าเป็นอย่างไร หรือว่าจะมีการลงนามเวลาไหนและสถานที่ใด แต่พาดหัวข่าวเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐและจีนก็ยังคงดันหุ้นให้สูงขึ้น นายแลร์รี่ คัดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวในช่วงสายของวันพฤหัสบดีว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงเข้าเส้นชัยแล้ว” ในวันเสาร์ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนได้มีการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์กับกับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้า และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ซึ่งได้รับการอธิบายว่าเป็น “การเจรจาที่มีความหมาย” จากซินหัวซึ่งเป็นสื่อของรัฐ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ปัญหาในข้อตกลงการค้ามักเกิดขึ้นในขั้นตอนสุดท้าย ยังคงต้องรอดูกันต่อไปว่าครั้งนี้เราจะได้เห็นความคืบหน้าหรือไม่ แต่หากไม่บรรลุข้อตกลง ก็เตรียมดูการเทขายอย่างเละเทะในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงได้เลย
การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการทําธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนภายในเจ็ดวันของธนาคารกลางของจีนก็ช่วยหนุนการเสี่ยงลงทุนเช่นกัน ความเคลื่อนไหวของ PBOC ช่วยให้นักลงทุนนึกขึ้นได้ว่ายังมีเครื่องมือทางการเงินที่คอยสนับสนุนเศรษฐกิจอยู่อีก
นักเทรดสกุลเงินจะต้องคอยจับตามองการเจรจาการค้าอย่างใกล้ชิดด้วย ตามรายงานล่าสุดของ CFTC นักเก็งกำไรได้เพิ่มการเดิมพันฝั่งกระทิงในดอลลาร์สหรัฐ แต่จากข้อมูลของสหรัฐที่แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 ทำให้มีการเทขายดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
คาดว่าสกุลเงินหลักจะยังคงอยู่ในช่วงแคบๆ จนกว่าจะมีการเผยแพร่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐประจำเดือนตุลาคมในวันพุธนี้ ในระหว่างการให้การของเขาต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์ที่แล้ว นายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดได้กล่าวย้ำว่านโยบายการเงินในปัจจุบันยังคงเหมาะสมตราบใดที่ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่เข้ามายังคงสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ดูเหมือนว่าเจอโรมจะโน้มน้าวตลาดได้แล้วว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่สี่ในเดือนธันวาคม จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool นักเก็งกำไรเห็นว่าไม่มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขายังคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการผ่อนคลายในปี 2020 สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องการทราบจากรายงานการประชุมของ FOMC ที่จะมาถึงคือต้องตรงกับเกณฑ์ใดจึงจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน