การวิเคราะห์ตลาดรายวัน

• น้ำมันซื้อขายกันเหนือ $70 จากความกลัวว่าการส่งออกจะหยุดชะงัก
• ทองคำขยับเข้าใกล้ $1,600 เนื่องจากนักลงทุนหนีไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย
• หุ้นทั่วโลกเทรดกันในแดนลบในวันจันทร์

ปี 2020 ควรจะเป็นปีที่เศรษฐกิจทั่วโลกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนละลายหายไปและนักลงทุนเห็นความชัดเจนใน Brexit มากขึ้น แต่เหตุการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้แนวโน้มนี้มีความเสี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย การที่สหรัฐสังหารผู้บัญชาการทหารอิหร่านในอิรักนั้นไม่น่าจะหยุดสงครามได้ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอ้าง แต่การกระทำเช่นนี้อาจทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ในตะวันออกกลางซึ่งอาจส่งผลกระทบทั่วโลก

ในช่วงสุดสัปดาห์ รัฐสภาอิรักลงมติให้ขับไล่กองทัพสหรัฐ อิหร่านประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดของข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 และชาวอเมริกันสามคนเสียชีวิตในเคนยาจากการโจมตีฐานทัพทหารโดยกลุ่มญิฮาด แม้ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่นักลงทุนได้ดันราคาน้ำมันขึ้นไปเหนือ $70 โดยเพิ่มขึ้น $4 นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น และทองคำก็พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าหกปี

ในเดือนกันยายน การที่โดรนโจมตีโรงกลั่น Abqaiq ของซาอุดีอาระเบียส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 20% แต่การปรับขึ้นเหล่านั้นปรับลงมาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการผลิตฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วและตลาดมองว่าเป็นเหตุการณ์ความเสี่ยงระยะสั้น สำหรับในสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าการผลิตจะหยุดชะงักมากขึ้นและอาจส่งผลให้ราคาปรับสูงขึ้นอีกมากหรือไม่

ที่น่าสนใจคือ เราะพบว่านักลงทุนบางส่วนซื้อคอลออปชั่นแถว $100 เพื่อประกันหรือทำกำไรจากราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก พวกเขาคาดการณ์ว่าอิหร่านจะเล็งเป้าไปที่การขนส่งสินค้าในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งทำหน้าที่ส่งออกน้ำมันหนึ่งในห้าส่วนของโลก หากช่องแคบนี้ถูกปิดกั้นแม้เป็นช่วงสั้นๆ ก็จะทำให้ราคาพุ่งขึ้นแบบติดจรวด ที่ราคา $70-$80 ต่อบาร์เรล เศรษฐกิจโลกไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนักจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้ แต่เมื่อเข้าใกล้ $100 จะมีผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทรุดลงจากการเทขายอย่างหนัก

อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านกับสหรัฐก็คือทองคำ โลหะสีเหลืองทะลุระดับสูงสุดและแนวต้านของปีที่แล้วที่ $1,557 และดูเหมือนจะพุ่งตรงไปที่ระดับทางจิตวิทยาที่ $1,600 ในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและในตลาด ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าการซื้อทองคำ และแม้ว่าจะดูเหมือนมีการซื้อมากเกินไปในกราฟ แต่การวิ่งขึ้นจะดำเนินต่อไปตราบใดที่ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับสูง

นักลงทุนจะยังคงตั้งรับต่อในวันนี้และคาดว่าตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐจะปรับลงตามตลาดเอเชียไปเนื่องจากทุกคนกำลังรอการตอบโต้จากอิหร่าน โดยเหตุการณ์นี้อาจไม่เกิดในทันที และน่าจะเป็นไปในรูปแบบที่ยืดเยื้อ นักลงทุนจึงควรคำนวณอย่างรอบคอบเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงในพอร์ต 

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

• กระทรวงพาณิชย์ของจีนอธิบายถึงการเจรจาการค้าในเชิงบวก

• PMI จากเยอรมนีและฝรั่งเศสคาดว่าจะแสดงการปรับตัวดีขึ้นในภาคการผลิต

• นักเทรดเงินปอนด์รอคำตัดสินของศาลฎีกา

• น้ำมันปรับขึ้นมากกว่า 1% จากข้อสงสัยด้านอุปทานและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

นักลงทุนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการประเมินสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องยากในการจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา ขณะที่แรงเสี่ยงลงทุนได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายของธนาคารกลาง โดยเฉพาะจากธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางสหรัฐ แต่ปัจจัยสำคัญสองประการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือ ข้อพิพาททางการค้าและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง

แม้จะมีคำแถลงจากกระทรวงพาณิชย์จีนที่กล่าวถึงการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากับสหรัฐว่า "คืบหน้า" แต่การยกเลิกทัวร์เยี่ยมฟาร์มสหรัฐจุดประกายความกังวลของเหล่าเทรดเดอร์ เป็นผลให้ดัชนีสำคัญทั้งสามของสหรัฐปิดเซสชั่นในวันศุกร์ในแดนลบโดย Nasdaq Composite ที่เน้นหนักในเทคโนโลยีเป็นผู้นำการดิ่งลงไป 0.8%

นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่าจะได้เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ข้อตกลงการค้าในเร็ววัน และนั่นน่าจะเป็นการปิดจุกการปรับขึ้นในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ยิ่งใช้เวลาในการเจรจาตกลงนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้น่าจะนำไปสู่การหมุนเวียนไปเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามากกว่าโมเมนตัมหรือการเติบโต

จะมีข้อมูลเศรษฐกิจออกมามากมายในสัปดาห์นี้ซึ่งจะช่วยนักลงทุนในการประเมินปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ในยุโรป Flash PMI จากเยอรมนีและฝรั่งเศสคาดว่าจะมีการฟื้นตัวเล็กน้อยในกิจกรรมการผลิตในช่วงเดือนกันยายน ปีนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างภาคการผลิตและภาคบริการ โดยกิจกรรมการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปีขณะที่บริการต่างๆ ยังคงทรงตัว เราจะได้เห็นในวันนี้ว่าการผ่อนคลายทางการเงินล่าสุดของ ECB จะช่วยปรับปรุงข้อมูลนี้ได้หรือไม่ 

ในสหรัฐอเมริกา จะมีการเผยแพร่ GDP ไตรมาส 2 ในวันพฤหัสบดี แต่นักวิเคราะห์คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ และนักลงทุนควรหันไปให้ความสนใจข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในวันอังคารแทน ผู้บริโภคไม่แยแสการยกระดับสงครามการค้าครั้งล่าสุด และตามการเผยแพร่ล่าสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามหากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีสัญญาณของความอ่อนแอ ก็จะเป็นสัญญาณเริ่มต้นว่าการใช้จ่ายของพวกเขาที่คิดเป็นประมาณ 70% ของ GDP จะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 4

นักเทรดสเตอร์ลิงส่วนใหญ่จะให้ความสนใจคำตัดสินของศาลฎีกาของสหราชอาณาจักรว่าบอริส จอห์นสันนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่ในการสั่งพักรัฐสภา คำตัดสินที่ค้านกับรัฐบาลจะบังคับให้เขาจำต้องเรียกคืนร่างกฎหมาย ซึ่งจะถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับสเตอร์ลิงเพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะยืด Brexit ออกไป

การเคลื่อนไหวที่ใหญ่ที่สุดของวันนี้เกิดขึ้นในราคาน้ำมันเบรนท์และ WTI โดยทั้งสองเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ต้องมีการตอบคำถามสองข้อในสัปดาห์นี้เพื่อช่วยในการคาดการณ์ก้าวต่อไป Aramco จะกู้คืนผลผลิตที่หายไปได้เร็วแค่ไหน และโอกาสที่สหรัฐจะโจมตีอิหร่านมีมากน้อยเพียงใด แม้ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ให้ราคาในการเผชิญหน้าทางทหาร แต่ตัวเลือกนี้ก็ไม่ควรถูกตัดออกไปเลยเสียทีเดียว

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

• ราคาน้ำมันเปิดบวก 20% ในวันจันทร์

• การถูกโดรนโจมตีทำลายความสามารถในการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียลง 5.7 ล้านบาร์เรล

• ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ กล่าวโทษอิหร่านในการโจมตี

สัปดาห์นี้เคยคาดว่าจุดสนใจจะอยู่ที่การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงการเจรจาเรื่อง Brexit และความคืบหน้าของการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การโจมตีของโดรนในช่วงสุดสัปดาห์ได้ทำให้จุดสนใจมาอยู่ที่โรงงานผลิตน้ำมันดิบแหล่งสำคัญของซาอุดีอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างใหญ่หลวง ยิ่งกว่าเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในสองสามปีมานี้

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 20% ในตอนที่ตลาดเปิดจนเทรดใกล้ $72 ต่อบาร์เรล แต่ปรับตัวลดลงครึ่งหนึ่งของที่บวกขึ้นมาใน 5 ชั่วโมงถัดไป  ราคาที่น่าตกตะลึงในวันนี้เป็นราคาสูงที่สุดในเกือบสามทศวรรษตั้งแต่ Saddam Hussein บุกคูเวตเมื่อทศวรรษ 1990 ปฏิกิริยาของราคาน้ำมันดังกล่าวบ่งชี้ว่าเรากำลังเผชิญกับวิกฤติที่คาดไม่ถึงของอุปทานน้ำมันซึ่งอาจสะเทือนเศรษฐกิจโลก

สิ่งที่เรารู้ในตอนนี้ก็คือการโจมตีได้ทำลายกำลังการผลิต 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเท่ากับเกือบ 5% ของอุปทานน้ำมันโลก ทำให้เกิดความตื่นตระหนกว่าจะขาดแคลนอุปทานครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ตอนนี้ ทุกคนเหมือนจะมีคำถามเดียวกันว่าแหล่ง Aramco จะฟื้นความสามารถในการผลิตได้เมื่อใด แต่โชคไม่ดีที่เราไม่มีคำตอบแน่ชัด

ตลาดพลิกจากอุปทานมากเกินไปเป็นอุปทานไม่เพียงพออย่างฉุกละหุก และแม้เราจะรวมความจุของแหล่งสำรองน้ำมันทั้งหมดทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งของการหยุดชะงักที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียมีการกักเก็บน้ำมันปริมาณมหาศาลเอาไว้ซึ่งจะช่วยคงระดับการส่งออก และสหรัฐฯ ระบุว่าอาจใช้น้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ หากจำเป็น ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความเสียหายได้บ้าง แต่ทุกอย่างจะคลี่คลายเมื่อกำลังการผลิตกลับไปเป็นปกติ นอกจากนี้ ยิ่งการหยุดผลิตยาวนานเท่าใด ความเสียหายก็จะยิ่งมากเท่านั้น

ในสามวันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันที่แตะระดับ $100 ต่อบาร์เรลคือสถานการณ์ที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ใช่อีกต่อไป ไม่เพียงแต่การหยุดผลิตในปัจจุบันของซาอุดีอาระเบีย แต่เป็นความจริงว่าโอกาสเกิดความขัดแย้งทางทหารในภูมิภาคดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวโทษอิหร่านในการโจมตีด้วยโดรน และ Lindsey Graham ส.ว.พรรค Republican กล่าวว่าสหรัฐฯ ควรพิจารณาการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่าน ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี Trump ได้ออกมาเตือนว่าสหรัฐฯ 'เตรียมตัวพร้อม' หากท่าทีดังกล่าวยังคงออกมาจากฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ความเสี่ยงด้านการเมืองโลกน่าจะพุ่งขึ้นอย่างมากเนื่องจากการโจมตีอิหร่านอาจทำให้กลุ่มประเทศริมอ่าวทั้งหมดต้องเสี่ยงอันตราย

หากนักลงทุนเริ่มคำนวณความเป็นไปได้ในการโจมตีโครงสร้างเกี่ยวกับน้ำมันดิบของอิหร่าน ราคาน้ำมันอาจวิ่งไปที่เกณฑ์ $100 อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากประธานาธิบดี Trump เปลี่ยนใจและยอมให้อิหร่านส่งออกน้ำมัน ความตึงเครียดก็จะลดลง แม้ในขณะนี้ การดำเนินการเช่นนี้จะดูไม่ปกติก็ตาม สองสามวันและสองสามสัปดาห์จากนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดและเศรษฐกิจโลก ดังนั้น โปรดจับตาดูความคืบหน้าต่อไป

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

ตลาดหุ้นเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในแดนลบในวันจันทร์โดยดูเหมือนว่าแรงเสี่ยงลงทุนจะบอบช้ำจากการสื่อสารที่ผิดพลาดของธนาคารกลางสหรัฐ ความน่าจะเป็นที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีหลังจากที่นายจอห์น วิลเลียมส์ประธานธนาคารกลางสหรัฐแห่งนิวยอร์กกล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐควรดำเนินการอย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย คำกล่าวของเขาทำให้นักลงทุนเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มีรูปแบบเชิงรุกมากขึ้นนั้นกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อเฟดประชุมกันในวันที่ 30-31 ก.ค. แต่แถลงการณ์จากธนาคารกลางของนิวยอร์กระบุว่าคำกล่าวของวิลเลียมส์เป็นไปในเชิงนักวิชาการที่อยู่บนพื้นฐานของการวิจัยและไม่เกี่ยวกับการกระทำที่อาจเกิดขึ้นในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) การชี้แจงจากธนาคารกลางของนิวยอร์กได้ลดความน่าจะเป็นที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดลงเหลือต่ำกว่า 20% จากประมาณ 65% ในช่วงเวลาของความไม่แน่นอนนี้ สารจากเฟดจะต้องมีการประสานงานและสอดคล้องกันมากกว่านี้เพื่อป้องกันการเขย่าขวัญในตลาด ความเชื่อมั่นเว้าแหว่งยิ่งขึ้นในวันศุกร์หลังจากที่อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ เพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคที่มีความผันผวนอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้น

ที่น่าแปลกใจคือราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นนั้นถูกจำกัดไว้ ผู้มีส่วนร่วมในตลาดคาดว่าราคาน่าจะไต่ขึ้นไป $10 ถึง $20 จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นที่ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุด แต่น้ำมันเบรนท์มีราคาเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% ในวันจันทร์ ในขณะที่ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดในสัปดาห์ก่อนหน้า 4$ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยต่อราคาบอกได้สองสิ่ง หนึ่งคือตลาดไม่เชื่อว่าความตึงเครียดเหล่านี้จะยกระดับรุนแรงขึ้น สองคือข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อจะกระทบต่ออุปสงค์ในขณะที่อุปทานของสหรัฐยังคงเพิ่มไปถึงจุดสูงสุดใหม่ ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนราคาน้ำมันที่ลดลง นักลงทุนต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์ในช่องแคบฮอร์มุซอย่างรอบคอบ เพราะอย่างไรเสียช่องแคบนี้ก็เป็นช่องทางการจัดส่งน้ำมันถึงหนึ่งในห้าส่วนของโลก และการหยุดชะงักใดๆ จะนำไปสู่การพุ่งขึ้นของราคาอย่างหนักหน่วง 

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะรอดูสัญญาณว่าการผ่อนคลายทางการเงินในระยะต่อไปของ ECB จะเป็นอย่างไร ตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นในยุโรปได้เคลื่อนไหวตามสมมติฐานของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่มากขึ้นแล้ว หากไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ ให้รอฟังแนวทางจากนายมาริโอ ดรากีประธาน ECB ว่าจะมีการผ่อนคลายอย่างไรและเมื่อใด ความผิดหวังใดๆ จาก ECB น่าจะนำไปสู่การเทขายพันธบัตรในยูโรโซนและมีการวิ่งขึ้นอย่างมากในยูโร อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่านี่จะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามปกติ

ฤดูประกาศผลประกอบการเดินหน้าเต็มกำลัง บริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรรมน่าจะเป็นหัวข้อพาดหัวข่าวเกือบทั้งหมด สัปดาห์นี้อาจตัดสินได้ว่าบริษัทสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยของผลประกอบการหรือว่าหลบเลี่ยงไปได้ Alphabet, Amazon, Facebook และ Twitter พร้อมด้วยกลุ่มบริษัทอื่นๆ จะเผยแพร่ผลประกอบการไตรมาสที่สองของพวกเขา เกือบ 30% ของบรรษัทในอเมริกาได้กล่าวถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความสามารถในการสร้างกำไรและคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อการประกาศผลประกอบการเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

มีความระมัดระวังในตลาดเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์จากการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของสหรัฐต่ออิหร่านและการประชุมระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับสี จิ้นผิง ตลาดหุ้นเอเชียมีความผันผวนในเช้าวันจันทร์ ขณะที่ฟิวเจอร์สของ S&P 500 ยังคงทรงตัวซึ่งบ่งชี้ว่ากระทิงในหุ้นกำลังเสียโมเมนตัมก่อนมีปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับความเชื่อมั่นในความเสี่ยง

ผลจากการประชุมระหว่างทรัมป์ - สี จิ้นผิงจะมีนัยสำคัญสำหรับนักลงทุนที่กำลังสรุปแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 อย่างแน่นอน ตลาดกำลังรอดูว่าการต่อรองเพื่อเอาชนะระหว่างสหรัฐกับจีนจะทำให้เกิดการเจรจาสงบศึกที่จะบรรเทาความตึงเครียดทางการค้าหรือไม่ หรือตลาดจะยังคงต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อต่อไปในเดือนข้างหน้า

ขณะที่การประชุมทรัมป์ - สี จิ้นผิงเป็นขั้นตอนที่มีความหมายต่อการลดความตึงเครียดลง แต่ตลาดก็อาจต้องผิดหวังหากการประชุมที่มีเดิมพันสูงนี้จบลงด้วยความเปล่าประโยชน์ ทำให้ความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งมีอยู่เดิมยังคงมีอยู่ต่อไป ความเสี่ยงดังกล่าวชี้ให้เห็นว่านักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการตีความคาดการณ์ในผลลัพธ์ที่เป็นมิตรต่อตลาดจากการประชุมนี้

น้ำมันกระโดดขึ้นจากการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของสหรัฐต่ออิหร่าน

ทั้งเบรนท์และ WTI ปีนขึ้นไปเหนือ 0.6 และ 0.8 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับณ เวลาที่เขียนอยู่นี้หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตเกี่ยวกับการคว่ำบาตร “ครั้งใหญ่” เพิ่มเติมต่ออิหร่านในวันจันทร์ นี่เป็นการจี้เข้าไปที่ความกังวลของตลาดที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันทั่วโลก ในขณะเดียวกัน หุ้นพลังงานในญี่ปุ่นและออสเตรเลียก็ไต่ระดับสูงขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับการปรับลงในดัชนีหุ้นอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันล่าสุดได้กำหนดกรอบการประชุมโอเปค+ ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันต้องเผชิญกับงานปรับสมดุลตลาดน้ำมันที่ละเอียดอ่อน ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นได้วิ่งเต้นทำงานให้กับโอเปค+ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น แต่แนวโน้มความต้องการยังคงดูย่ำแย่จากความไม่แน่นอนในความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อการบริโภคน้ำมันไปจนสิ้นสุดปี 2019 เว้นเสียแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนเลื่อนลั่นในสมการอุปสงค์-อุปทานในสัปดาห์นี้ กลุ่มโอเปค+ อาจมีทางเลือกไม่มากนักนอกจากขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึงครึ่งหลังของปี ซึ่งน่าจะช่วยพยุงราคาน้ำมันไว้ได้

ทองคำยังคงได้รับการสนับสนุนท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก

ราคาทองคำอยู่เหนือระดับทางจิตวิทยาที่ $1,400 ซึ่งเน้นให้เห็นถึงโทนความระมัดระวังในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในวันจันทร์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นรวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนทำให้มั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยในขณะนี้

แม้เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงการละลายหายไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ ของความตึงเครียดที่นำโดยสหรัฐ แต่ประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่าภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีสภาพคล่องสูงและสามารถพลิกกลับได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการปรับลงของราคาทองคำที่เกิดขึ้นจากการเบาลงของความตึงเครียดในระยะสั้นนั้นจะได้รับการบรรเทาความรุนแรงจากท่าทีเอนเอียงไม่อยากผ่อนคลายของธนาคารกลางรายใหญ่ต่างๆ

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน