การวิเคราะห์ตลาดรายวัน

เดือนตุลาคมดูจะเป็นเดือนที่แย่มากสำหรับนักลงทุนในหุ้น S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average ร่วงไปอยู่ในแดนลบสำหรับปีนี้หลังจากปรับลงไปอย่างหนักเมื่อวานนี้ ส่วน Nasdaq Composite เข้าสู่โซนปรับฐานจากการร่วงลงไปกว่า 10% จากจุดสูงสุดแต่ยังคงสูงกว่าจากต้นปีจนถึงตอนนี้ 2.9% สิ่งที่เหมือนจะเป็นการขายทำกำไรในตอนต้นเดือนเริ่มดูเหมือนเป็นการเทขายเพราะความหวั่นวิตกโดยที่มีดัชนีความผันผวน ’VIX‘ สูงกว่าสองเท่าในเดือนนี้ 

การขายหุ้นสหรัฐดูเป็นเรื่องน่าตกใจเมื่อพิจารณาจากกว่าเป็นฤดูประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่ง หนึ่งในสามของบริษัทใน S&P 500 ได้ประกาศผลของไตรมาส 3 แล้ว โดยแสดงให้เห็นถึงการเติบโตขึ้น 25.4% เมื่อเทียบปีต่อปี ผลนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตกว่าสองเท่า แต่ก็ไม่ช่วยกระตุ้นให้กระทิงตอบโต้กลับเลย

และดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ได้พิจารณาจากตัวเลขในปัจจุบัน แต่กำลังมองไปในอนาคตมากกว่า การคาดการณ์สำหรับผลประกอบการในปีถัดไปแสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มที่จะปรับลงเหลือครึ่งหนึ่งของปีนี้ และก็มีแนวโน้มที่นักวิเคราะห์จะปรับตัวเลขที่คาดการณ์ลงอีก

สภาพแวดล้อมระดับมหภาคก็ไม่ช่วยอะไรเช่นกัน เราได้เห็นเฟดทำการกระชับนโยบายการเงินต่อไป เศรษฐกิจยุโรปก็ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนโดยที่ตัวเลขประมาณการ Composite Flash PMI เมื่อวานนี้ร่วงไปที่ระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน และมีความไม่แน่นอนอีกมากมายในจีน อังกฤษ และอิตาลี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐดูเหมือนจะเป็นแห่งเดียวที่ติดจรวดในทุกด้าน ข้อมูลการขายบ้านเมื่อวานนี้อาจชี้ให้เห็นว่าเราได้มาถึงจุดสูงสุดของวัฏจักรเศรษฐกิจรอบปัจจุบันแล้ว ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐร่วงไปที่ระดับต่ำสุดในรอบสองปีสำหรับเดือนกันยายนเนื่องจากมีราคาสูงขึ้นและอัตราการจำนองเริ่มชนกับความต้องการ สัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการลดลงของใบอนุญาตสร้างบ้านใหม่เช่นกันในขณะที่ยอดขายบ้านที่มีอยู่เดิมลดลงไปใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสามปีสำหรับเดือนกันยายน 

เมื่อพิจารณาจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าดราม่าในตลาดหุ้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใด นักลงทุนตัดสินใจที่จะขายก่อนแล้วค่อยประเมินทีหลัง ในตอนนี้ ความเสี่ยงยังคงอยู่ในด้านลบเนื่องจากการเทขายเพิ่มเติมจะทำให้เกิดการเรียกหลักประกันเพิ่มซึ่งนำไปสู่การปรับลงอีก

ในตลาดสกุลเงิน เงินเยนทำผลงานได้ดีที่สุดเนื่องจากความต้องการในความปลอดภัยพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ปรับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยูโรและสเตอร์ลิงแต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบสองเดือน ความสนใจจะเบนไปที่การประชุมด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปซึ่งมีกำหนดการในวันนี้ คำถามสำคัญที่นายดรากี ประธาน ECB ต้องตอบคือจะควบคุมความวุ่นวายทางการเมืองของอิตาลีได้อย่างไรและเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปที่อ่อนแอลงเมื่อเร็วๆ นี้จะชะลอการกระชับนโยบายการเงินหรือไม่

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน

นักลงทุนทั่วโลกต่างไม่แน่ใจว่าควรจะช้อนซื้อหุ้นที่ราคาย่อลงไป หรือควรยืนดูอยู่ขอบสนามและรอจนกว่าฝุ่นจะจางลง หลังจากปรับขึ้น 1.2% เมื่อวันพุธ S&P 500 ปิดต่ำลง 0.5% จากการเลี้ยวกลับแรงที่สุดนับตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2015 ซึ่งดูเหมือนว่าตราสารที่มีความผันผวนจะยังคงมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของนักลงทุน หลังจากร่วงลงมา 7 จุดตอนเปิดเซสชั่นสหรัฐฯ VIX ก็ขึ้นไปที่ 28 อีกครั้งในตอนที่ปิด ชี้ให้เห็นว่าความผันผวนจะยังคงอยู่ไปอีกสักพัก นักเก็งกำไรอาจจะสนุกกับการเทรดในตลาดที่ผันผวน แต่ไม่ใช่สำหรับนักลงทุนในระยะยาว

เหล่าผู้ลงทุนย้อนตลาดควรทำตามคำแนะนำของ Baron Rothschild “ซื้อเมื่อมีเลือดนองถนน” สำหรับในตอนนี้ ผมยังไม่เห็นเลือด เห็นเพียงแค่การปรับฐานทั่วไปที่ควรทำมานานแล้ว จากในมุมมองการประเมิน อัตราส่วนราคาล่วงหน้าต่อการทำกำไรใน S&P 500 ได้ลดลงจาก 20 ในตอนเริ่มต้นปีเป็นต่ำกว่า 18 ชี้ให้เห็นว่าราคายังคงแพงอยู่เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต การตัดสินใจซื้อ ขาย หรือรอเป็นเรื่องยากในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ถ้าหากนักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกและบริษัทต่างๆ จะยังคงทำผลงานได้ดี ความเสี่ยงขาลงก็มีแนวโน้มที่จะถูกจำกัดจากระดับในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งตัดความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับฐานอีก 5-10%

ตลาดตราสารหนี้เริ่มดูน่าสนใจและหากอัตราผลตอบแทนก้อนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้มีแรงจูงใจที่จะดีดตัวออกจากหุ้นมากกว่าพันธบัตร นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จึงมีบทบาทสำคัญต่อระยะเวลาการปรับฐานว่าจะดำเนินไปอีกนานเท่าใด 

มีการคาดการณ์ว่านโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษจะยังคงเดิมในการประชุมวันนี้ แต่นักเทรดเงินปอนด์จะรอดูทิศทางจากนายมาร์ค คาร์นีย์ และรายงานอัตราเงินเฟ้อรายไตรมาส สเตอร์ลิงมีการปรับขึ้นมากกว่า 6.9% นับตั้งแต่มีการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางในวันที่ 14 ธันวาคม แต่ลดลง 3% หลังจากไปถึงยอดที่ 1.4344 ในวันที่ 25 มกราคม และอยู่ที่ 2.9% ในตอนนี้ หลังจากที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในเดือนพฤศจิกายน มีเหตุผลน้อยมากที่ BoE จะกระชับอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นได้แม้แต่ในภาคบริการและภาคการผลิต ในขณะเดียวกัน ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเพียง 2.4% ในช่วงสามเดือนก่อนเดือนพฤศจิกายน และ CPI ขยับลงจาก 3.1% เป็น 3% ปฏิกิริยาตอบโต้ของสเตอร์ลิงจะขึ้นอยู่กับทิศทางของนายมาร์ค คาร์นีย์และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรายงานอัตราเงินเฟ้อรายไตรมาส

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน